Englishmania

เก่งภาษาอังกฤษวันละนิดเพียงติดตามบทความของเรา

Bannerla

การพูดทักทายกัน

การพูดทักทายกันเป็นจุดเริ่มต้นของการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกัน การกล่าวทักทายกันจึงเป็นทั่วไปที่มีความสำคัญมาก ๆ




วันนี้เรามาดูวิธีการพูดทักทายกันในภาษาอังกฤษ รับรองว่าได้ใช้แน่ๆ ในชีวิตจริง เพราะเราต้องสื่อสารกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา


ประโยคที่นิยมใช้ในการเขียนภาษาอังกฤษ

การเขียนจดหมายเป็นภาษาอังกฤษนั้น รูปแบบประโยคที่ใช้บ่อยๆ เช่น ใช้ขึ้นต้นเรื่อง มักจะมีไม่กี่แบบ เราก็จำรูปแบบนั้นมาใช้เลย ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นเพียงบางส่วน ดิฉันเห็นว่าประโยคที่บล็อกให้ไว้ ใช้บ่อยจริง ๆ ถ้าจำได้ก็จะมีประโยชน์มาก จึงขอลอกมาให้ท่านดู ข้างล่างนี้

ประโยคที่นิยมใช้กัน เช่น
I am writing to inform you that …
ฉันเขียนจดหมายฉบับนี้เพื่อแจ้งให้ทราบว่า …

I wish to inform you that …
ฉันประสงค์จะแจ้งให้ทราบว่า …

I would like to let you know that …
ฉันอยากแจ้งให้ทราบว่า …

I am writing to inquire about …
ฉันเขียนมาเพื่อถามเรื่อง …

I am writing to complain about …
ฉันเขียนมาเพื่อร้องเรียนเรื่อง …

I read / heard … and would like to …
ฉันได้อ่าน / ได้ยินในเรื่อง … จึงประสงค์จะ …

Thank you for your interest / inquiry.
ขอบคุณสำหรับความสนใจ / การถาม

I refer to the letter of [date] concerning [subject]
ฉันขออ้างอิงถึงจดหมายลงวันที่ [วันที่] เรื่อง [หัวข้อ]

I am contacting you regarding [subject]
ฉันต้องการติดต่อคุณเรื่อง [หัวข้อ]

I apologize in the delay in replying.

ฉันต้องขออภัยที่ตอบจดหมายของคุณล่าช้า

I would be very grateful if you …
ฉันจะขอบคุณมาก หากคุณ …

I would really appreciate it if you …
ฉันจะขอบคุณมาก หากคุณ …

Could you please …?
ขอความกรุณาช่วย … ได้หรือไม่

I wonder if you could …
ไม่ทราบว่า คุณจะช่วย … ได้หรือไม่

I wonder if it is alright to …
ไม่ทราบว่า จะสามารถ … ได้หรือไม่

I would like to …
ฉันอยากจะ …

 sincerely-yours
ในย่อหน้าสุดท้าย เรามักจบด้วยการแสดงไมตรีจิตรด้วยถ้อยคำ เช่น

I am looking forwards to hearing from / meeting you.
ฉันจะรอคอยให้คุณติดต่อมา / ที่จะได้พบคุณ

I would be grateful if you will let me know as soon as possible.
จะเป็นพระคุณมาก หากคุณจะแจ้งให้ฉันทราบโดยเร็วที่สุด

If you have further questions, please contact …
หากคุณมีคำถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ …

If you need any help, please feel free to tell me.
หากคุณต้องการให้ช่วย โปรดบอกฉันได้

If there is any question, please do not hesitate to ask me.
หากคุณมีข้อสงสัย โปรดอย่าลังเลที่จะถามฉัน

Thank you for help / understanding.
ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ / ความเข้าใจ

I truly appreciate your kindness.
ฉันซาบซึ้งในความกรุณาของคุณมาก

การใช้ Verb to do

การที่เราจะแต่งประโยคภาษาอังกฤษสักประโยคหนึ่ง เรารู้ได้ยังไงคะว่าจะเอา v. do ,v. be, v. have มาใช้ในประโยคเช่นไรและมาไว้ตรงไหนของประโยค


วันนี้ขอให้เวลากับการปูพื้นฐานภาษาอังกฤษ มาดูกันที่ v. to do จำไว้ว่าสามารถใช้เป็นตัวหลักและตัวช่วยก็ได้

1. ใช้เป็นตัวหลักมีความหมายในประโยคว่า “ทำ” จะผัน v. to do เป็นแบบไหนให้ดูตามประธานและเวลา
ถ้าประโยคเป็น present tense (ปัจจุบัน) ประธาน I, you, we, they และประธานพหูพจน์ใช้ do เช่น I do my work. (ฉันทำงานของฉัน)
ถ้าประโยคเป็น present tense (ปัจจุบัน) ประธาน he, she, it และประธานเอกพจน์ใช้ does เช่น She does her work. (เธอทำงานของเธอ)
ถ้าประโยคเป็น past tense (อดีต) ใช้ did ซึ่งเป็นกริยาช่องที่ 2 ของ do เช่น I did my work. (ฉันทำงานของฉันเสร็จไปแล้วในอดีต)
ส่วน done ซึ่งเป็นกริยาช่องที่ 3 ของ do สามารถใช้กับ present perfect (has, have บวกกริยาช่องที่ 3) เพื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่ทำแล้ว จบแล้ว แต่ผลของการกระทำยังคงอยู่ได้ เช่น I have done my work. (ฉันทำงานของฉันเสร็จไปแล้ว แต่อาจจะเพิ่งเสร็จทำให้ยังรู้สึกถึงผลของการทำงานนั้นอยู่ เช่น งานที่เสร็จยังอยู่บนโต๊ะ หรืออาจจะเหนื่อยอยู่)

2. ใช้เป็นตัวช่วยช่วยกริยาในการปฏิเสธหรือตั้งคำถาม โดยเลือกให้เหมาะกับประธานและเวลา เช่น
ประโยคบอกเล่า I love you เวลาปฏิเสธมองไปไม่เห็นกริยาช่วยอื่นๆก็ต้องไปดึง v. to do มาช่วย เวลาปัจจุบันดึง do, does ประธาน I ไปกับ do
I do not love you. (ฉันไม่ได้รักคุณ)
ประโยคคำถาม Do you love me? (คุณรักฉันไหม) อันนี้เป็นคำถามแบบใช่ ไม่ใช่
Yes, I do. // No, I don’t.

Did she go with him yesterday? (เมื่อวานนี้เธอไม่ได้ไปกับเขารึเปล่า)
พอเป็นเมื่อวานนี้ ให้เลือก did เพื่อบอกว่าเป็นอดีต
เมื่อดึง v. to do เข้ามาช่วยในการถามหรือปฏิเสธแล้ว ให้เปลี่ยนกริยากลับสู่รูปพื้นฐานนั่นคือ go วิธีการจำคือ เวลาบอกความเป็นอดีตบอกครั้งเดียวที่ did ดังนั้นเราจึงใช้ go ไม่ใช้ went ซึ่งเป็น v. 2 แสดงความเป็นอดีตแล้ว


3.v. to do เอามาใส่ในประโยคบอกเล่าได้เพื่อเน้นค่ะ เช่น I do love you. ฉันรักเธอจริงๆ หนักแน่นเลย He does love me. เขารักฉันจริงๆ การใช้ v. to do ลักษณะนี้เป็นประเด็นที่ชาว EB ถามมาเยอะเลยค่ะ
-----------------------------
credit: พี่นุ้ย

จะใช้ Verb to have ยังไง

หลักการใช้ v. to have

1. v. to have สามารถใช้เป็นกริยาแท้แปลว่า “มี” “ได้รับ” หรือ “ประสบ” ได้ แต่จะผันเป็น has, have หรือ had ต้องดูตามประธานและเวลานะคะ


ถ้าประโยคเป็น present tense (ปัจจุบัน) ประธาน I, you, we, they และประธานพหูพจน์ใช้ have เช่น I have a car. (ฉันมีรถหนึ่งคัน) ปฏิเสธก็ I don’t have a car. เห็นมั้ยเวลาปฏิเสธกริยาต้องไปดึงเจ้า v. to do เมื่อกี้มาช่วย

ถ้าประโยคเป็น present tense (ปัจจุบัน) ประธาน he, she, it และประธานเอกพจน์ใช้ has เช่น She has a car. (เธอมีรถหนึ่งคัน) ปฏิเสธ She does not have a car.
ถ้าประโยคเป็น past tense (อดีต) ใช้ had ซึ่งเป็นกริยาช่องที่ 2 ของ have เช่น She had an accident yesterday. (เธอประสบอุบัติเหตุเมื่อวานนี้) ปฏิเสธ She didn’t have an accident yesterday.

2. v. to have ยังเป็นกริยาช่วยได้ใน present perfect เพื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่ทำมาตั้งแต่อดีตและมีแนวโน้มจะเกิดต่อไปถึงอนาคต หรือที่ทำแล้ว จบแล้ว แต่ผลของการกระทำยังคงอยู่ได้

present perfect = has, have บวกกริยาช่องที่ 3
เช่น I have studied Chinese for three months. (ฉันเรียนภาษาจีนมาสามเดือนแล้ว)
She has just finished her work. (เธอเพิ่งทำงานเสร็จ) ถ้าจะลองแต่งปฏิเสธก็ง่ายๆ มี has เป็นกริยาช่วยอยู่แล้ว She hasn’t finished her work.
มาเอากลอนช่วยจำไปหน่อย

แฮส (has) กับแฮฟ (have) ล้วนแต่ แปลว่ามี
แฮฟ (have) วีอี (-ve) ต่อตาม นามพหู
แฮส (has) แฮฟ (have)บวก เวิร์บ (v.) สามหน่อย ค่อยหน้าดู
แพ็คเกจคู่ เพอเฟคเท้นส์ (perfect tense) เน้นเวลา


-----------------------------
credit: พี่นุ้ย

เรียนอังกฤษด้วยตัวเอง

วันนี้ดิฉันเจอ webpage หนึ่ง ที่เขารวม Google search box และ search box ของดิกคุณภาพดีมากมายไว้ด้วยกัน และดิกพวกนี้มีประโยชน์มาก ๆ สำหรับคนที่ฟิตภาษาอังกฤษ
ที่นี่ค่ะ: http://www.lexilogos.com/english/dictionary.htm

เพียงพิมพ์คำศัพท์ลงไป ถ้าท่านต้องการค้นด้วย Google ตามธรรมดา ก็คลิกที่ปุ่ม Google Search ที่อยู่มุมล่างขวา แต่ถ้าท่านต้องการศึกษาคำศัพท์จากสารพัดดิกยี่ห้อดังคุณภาพดี ก็มีมากมายให้ท่านเลือกคลิกใช้งาน โดยพิมพ์คำศัพท์ลงไปและคลิกที่ดิกซึ่งต้องการใช้ ซึ่งมีดังนี้

• ดิก แบบ British English
• ดิกแบบ American English
• ดิกประวัติ คำศัพท์
• ดิก ความหมาย เหมือน / คล้าย
• ดิก idiom
• ดิก ผันรูป verb
• หลายดิกในเว็บเดียว
• สารานุกรม หรือ encyclopedia
• ดิกย้อนหลัง คือ พิมพ์ความหมายให้ดิกย้อนไปหาคำศัพท์


ขอเสนอให้คลิกหน้านี้เป็น Favorites เพื่อว่าจะได้คลิกใช้ได้โดยสะดวก สำหรับท่านที่ปกติก็ตั้ง Google Search เป็นหน้าแรกอยู่แล้ว เมื่อท่านเปลี่ยนมาใช้หน้านี้ ในตอนแรกท่านอาจจะไม่ชิน เพราะเมื่อพิมพ์คำค้นลงไปแล้วไม่สามารถ Enter ได้ทันที, ต้องเลื่อนเมาส์มาคลิกที่ปุ่ม Google Search ที่ อยู่ด้านล่าง, แต่ถ้าท่านใช้ไปสักพักก็จะชิน และแถมได้คุ้นเคยกับดิกอังกฤษ-อังกฤษ ซึ่งเป็นเครื่องมืออันวิเศษที่ช่วยท่านฟิตภาษาอังกฤษอีกด้วย

Process ต่างกับ Proceed ยังไง

สวัสดีค่ะ วันนี้มาดูกันว่า process, proceed ใช้ต่างกันอย่างไร

ก่อนอื่นอธิบายรากศัพท์ก่อนนะคะ pro (แปลว่า ไปข้างหน้า) + cede, cess, ceed (แปลว่าเดินไป) ฉะนั้นสองคำนี้มีความหมายว่าผลักดันให้อะไรบ้างอย่างไปข้างหน้า

ในกรณีที่ proceed กับ process ต่างก็เป็นกริยา
How do we process your documents? จะจัดการ (manage)อย่างไรกับเอกสารนั้น เช่น ตรวจแก้ จัดแยกเป็นไฟล์ เก็บข้อมูลลงใน database
How do we proceed with your documents ? ได้เอกสารแล้วจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งตรงนี้จะไม่เน้นการจัดการ แต่บอกถึงขั้นตอนต่อไปเลย

สังเกตว่า proceed เรื่องอะไรจะไปกับ with

นอกจากนั้น process ยังนิยมใช้เป็นคำนามได้ด้วยแปลว่า กระบวนการ a difficult process กระบวนการที่ยาก และระวัง procession แปลว่า ขบวนแห่ คือแม้ความหมายจะเปลี่ยนไปก็ยังไม่ทิ้งรากศัพท์ คือ ยังเกี่ยวข้องกับการก้าวไปข้างหน้าเหมือนเดิม อย่าง cat procession แห่นางแมว

ดู ceed อื่นๆบ้าง
-precede แปลว่า มาก่อน pre ก่อน + cede เดิน
-recede แปลว่า ชะลอตัว re อีกครั้ง กลับหลัง + เดิน
Economic recession ขอใช้เป็นนาม แปลว่า การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
-exceed แปลว่า เกินพิกัด ex ออกนอก + เดิน
-succeed แปลว่า มาจาก sub ใต้ + เดิน หมายถึง สืบทอดจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว นอกจากนั้นยังแปลว่าสำเร็จในเรื่องต่างๆได้ด้วย
-concede แปลว่า ยินยอม con ร่วมกัน + เดิน concession คือ สัมปทาน หมายถึง อนุญาตให้ใช้อะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง
-secede แปลว่า แยก sec แบ่งแยก + เดิน secession การแยกตัวเรื่องดินแดน ศาสนา ความคิด
-access แปลว่า เข้าถึง a บวกอักษรสองตัวซ้ำกัน แปลว่า เข้าไปหา + เดิน

-----------------------------
credit: พี่นุ้ย

การขอความช่วยเหลือ จะพูดยังไง

วันนี้ขอคุยเรื่องการขอความช่วยเหลือแล้วกันค่ะ ในที่ที่เราไม่คุ้นเคยแน่นอนว่าจำประโยคเหล่านี้ไว้ ได้ใช้แน่

Can you help me, please?หรือ
Could you help me, please? (คุณช่วยฉันได้ไหม)

การใช้ could จะสุภาพมากกว่า can นะคะ
หรือถ้าอยากให้ช่วยอะไร เราระบุไปเลยก็ได้ค่ะ ใช้ประโยค Can/Could you + verb ช่อง 1 เช่น

Can you give me a discount? (คุณช่วยลดราคาให้หน่อยได้ไหม)
Could you tell me the way to the post office, please? (กรุณาบอกทางไปไปรษณีย์ให้หน่อยได้ไหม)

นอกจากประโยคพื้นฐานแล้ว ก็ลองจำประโยคข้างล่างนี้ไปใช้นะคะ
Would/Do you mind…?คุณรังเกียจไหมที่จะทำบางอย่างโครงสร้างประโยคคือ Would/Do you mind + verb เติม ing เช่น 


Would you mind telling me the time? (คุณรังเกียจไหมที่จะบอกเวลาให้แก่ฉัน) 
Do you mind opening the window?(คุณรังเกียจไหมที่จะเปิดหน้าต่าง)

Would you please...? (คุณจะช่วย…ได้ไหม) โครงสร้างประโยค Would you please + verb ช่อง 1 เช่น

Would you please give me more information? (คุณช่วยให้รายละเอียดมากกว่านี้หน่อยได้ไหม)

Would you kindly...? คุณจะช่วย…ได้ไหมโครงสร้างประโยค Would you kindly + verb ช่อง 1 เช่น

Would you kindly pass me the salt? (คุณจะช่วยส่งเกลือให้ฉันหน่อยได้ไหม)

โดยถ้าผู้ฟังยินดีจะให้ความช่วยเหลือ เขาจะตอบประมาณนี้ค่ะ
Yes. ได้
Of course. ได้เลย
All right. ตกลง
Sure! ได้เลย
Certainly. แน่นอน
No problem! ไม่มีปัญหา
With pleasure. ด้วยความยินดี
แต่ถ้ามีปัญหา ไม่สามารถช่วยเหลือเราได้ ก็จะตอบอย่างนี้
Sorry. เสียใจด้วย
I'm sorry. ฉันเสียใจ
I'm afraid I can't. ฉันเกรงว่าฉันจะทำให้ไม่ได้
I wish I could, but…(เหตุผลที่ทำให้ไม่ได้) ฉันอยากจะทำให้นะแต่ว่า... เช่น I wish I could, but I have to go home now. ฉันอยากจะทำให้นะแต่ว่าตอนนี้ฉันต้องกลับบ้านแล้ว

แต่ต้องระวังนิดหนึ่งค่ะ คำถาม Would you mind/ Do you mind จะตอบแตกต่างจากแบบอื่นๆนะคะ เพราะคำถามถามว่าคุณรังเกียจไหม ถ้าเขายินดีช่วยจะตอบ No คือ ไม่รังเกียจค่ะ
Would you mind opening the door? คุณรังเกียจที่จะเปิดประตูไหม

No, of course not. ไม่ไม่รังเกียจเลย

Preposition สรุปมาง่ายๆ

สำหรับคนที่งงเรื่องของการใช้ preposition ดูรูปข้างล่างเลย สรุปมาให้ดูกันง่าย ๆ




Reach กับ Arrive ใช้ต่างกันยังไง

สวัสดีค่ะ คิดว่าหลาย ๆ คนเคยมีปัญหาว่า ไอ้คำว่า "reach" กับ "arrive" ที่มีความหมายว่า ถึง นี่มันใช้งานต่างกันอย่างไร เวลานำไปใช้มีข้อสังเกตอย่างไรคะว่าประโยคแบบไหนควรใช้คำว่า “reach”
และแบบไหนควรใช้คำว่า “arrive”



วันนี้เลยจะมาช่วยอธิบายความแตกต่างของคำว่า “reach” และ “arrive” กันค่ะ

Reach แปลว่า เอื้อมถึง ก็ได้นะคะ บางคนเคยได้ยินเพลงที่ร้องว่า

feel the sky within my reach 
รู้สึกว่าท้องฟ้าไม่ไกลเกินเอื้อม 

หรือในเพลง out of reach ที่แปลว่าเกินเอื้อมถึง ในเรื่อง ‘Bridget Jones’s Diary’ผู้หญิงอ้วนๆคนหนึ่งจะไปรักผู้ชายหล่อๆได้อย่างไร เธอก็เลยบอกว่าผู้ชายคนนั้นน่ะ out of reach

แต่ reach ที่จะขอเปรียบเทียบกับ arrive ในวันนี้ จะเปรียบเทียบในความหมายที่แปลว่า มาถึง
reach จะต่อด้วยสถานที่จุดหมายปลายทางไปเลย จำว่า reach the place. เช่น

He reached the hospital.




ในขณะที่ arrive ไปถึงที่ไหนต้องต้องมี preposition ตามหลังนะค่ะ
ถ้าเป็น arrive in ใช้กับที่ใหญ่ เช่น เป็นเมือง เป็นประเทศ เช่น arrive in Thailand
แต่ถ้า arrive at จะใช้กับสถานที่ หรือที่เล็กๆ เช่น arrive at the hospital

หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างนะค่ะ